คุณเคยฝันถึงบ้านที่จัดเรียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สุดท้ายกลับมีสิ่งของวางระเกะระกะภายในไม่กี่วันหลังจากทำความสะอาดไหม? คุณไม่ได้อยู่คนเดียว หลายคนประสบปัญหาในการรักษาระเบียบในบ้าน แม้จะลองเทคนิคการจัดเก็บต่างๆ มากมาย และซื้ออุปกรณ์จัดเก็บที่ถูกเคลมว่า "จำเป็นต้องมี" ไปแล้ว ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับอะไร? ก็คือแผนการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ที่ออกแบบให้เหมาะกับหน้าที่การใช้งานของแต่ละห้อง เรามาดูกันว่าจะเปลี่ยนบ้านของคุณให้เป็นระเบียบด้วยการจัดเก็บอย่างชาญฉลาดใน 10 พื้นที่สำคัญได้อย่างไร
ⅰ. ห้องนอน
① การแบ่งโซนตู้เสื้อผ้า : แบ่งตู้เสื้อผ้าของคุณออกเป็นพื้นที่แขวน (เสื้อผ้ายาวและสั้น), พื้นที่วางพับ (จัดชั้นอย่างเหมาะสม ไม่สูงเกินไป), พื้นที่จัดเก็บ และพื้นที่สำหรับของเล็กๆ
②ตู้ข้างเตียง : ใช้ตู้ข้างเตียงในการจัดเก็บของใช้เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการเก็บสิ่งของจำเป็นให้อยู่ใกล้มือ
③โต๊ะเครื่องแป้ง : เลือกโต๊ะเครื่องแป้งที่มีลิ้นชัก แต่ถ้าไม่มี ให้ใช้กล่องที่มีช่องแบ่งเพื่อจัดหมวดหมู่สิ่งของ
④พื้นที่เก็บเสื้อผ้าค้างคืน : หากตู้เสื้อผ้าของคุณมีพื้นที่ ควรออกแบบพื้นที่เฉพาะสำหรับเสื้อผ้าที่ใส่ค้างคืน แต่ถ้าไม่มี ให้ใช้ราวแขวนเสื้อแบบเรียบง่ายเพื่อป้องกันฝุ่นสะสม 
ⅱ. ห้องนั่งเล่น
① กฎ 80/20 : ซ่อนของ 80% และแสดงไว้เพียง 20% จัดเตรียมพื้นที่จัดเก็บให้เพียงพอเพื่อป้องกันความยุ่งเหยิง
②การจัดตำแหน่งสิ่งของ : วางแผนล่วงหน้าว่าแต่ละรายการจะวางที่ใด เพื่อให้หยิบใช้และเก็บได้ง่าย
③หลักการใกล้ชิด : เก็บสิ่งของไว้ใกล้บริเวณที่ใช้งาน เพื่อให้การจัดเก็บทำได้อย่างสะดวกสบาย

ⅲ. ทางเข้าบ้าน
① ที่เก็บรองเท้า : จัดพื้นที่สำหรับรองเท้าแตะไว้ใต้ตู้เก็บรองเท้า ตู้ . หากคุณมีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก ให้เพิ่มชั้นเสริมอีกหนึ่งชั้น
②ชั้นวางแบบปรับระดับได้ : ใช้ชั้นวางที่เคลื่อนย้ายได้ภายในตู้เก็บรองเท้า เพื่อรองรับรองเท้าที่มีความสูงต่างกัน
②เสื้อผ้าสำหรับใส่ข้ามคืน : หากคุณต้องการแขวนเสื้อผ้าที่ใช้ค้างคืน ควรตรวจสอบว่าตู้มีประตูปิดเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่เป็นระเบียบ 

ⅳ. ห้องครัว
① การจัดทําเขต : จัดหมวดหมู่สิ่งของออกเป็นตู้แขวน, ตู้ล่าง, ผนัง, หน้าเคาน์เตอร์, และพื้น เพื่อการจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ
②ลำดับการทำงาน : ออกแบบลำดับการทำงานอย่างมีเหตุผลเพื่อลดการสิ้นเปลืองพื้นที่
③พื้นที่สำหรับแต่ละขั้นตอน : จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการหยิบของ, ล้าง, หั่น, ปรุงอาหาร, และเสิร์ฟ เพื่อให้มั่นใจถึงการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น 
ⅴ. พื้นที่รับประทานอาหาร
① ผ้าปู : ตู้โชว์ข้างเตียงเหมาะเป็นอย่างยิ่ง แต่หากจำกัดพื้นที่ ให้ใช้รถเข็นจัดเก็บ
②การจัดเรียงภาชนะ : จัดหมวดหมู่ภาชนะสำหรับรับประทานอาหารตามความถี่ในการใช้งาน และจัดเก็บแนวตั้งเพื่อเพิ่มพื้นที่จุได้มากที่สุด
③หลักการใกล้ชิด : เก็บของให้อยู่ใกล้บริเวณรับประทานอาหารเพื่อส่งเสริมให้เกิดนิสัยการจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ 
ⅵ. ห้องน้ำ
① ตู้เก็บของแบบบิวท์อิน : หากเป็นไปได้ ควรสร้างช่องเก็บของในผนังเพื่อใช้จัดเก็บ
②ตู้กระจกเงา : ตู้กระจกเงาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่รักการดูแลผิวหน้า ควรเลือกตู้ที่มีประตูปิดเพื่อการจัดเก็บขนาดใหญ่และกันความชื้นได้ดี
③สิ่งของติดผนัง : เก็บสิ่งของที่ใช้บ่อยให้พ้นจากพื้น เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด

ⅶ. ระเบียง
① ฟังก์ชันเป็นอันดับแรก : กำหนดจุดประสงค์ของระเบียงให้ชัดเจนนอกเหนือจากการตากผ้า เช่น การปลูกต้นไม้ เตรียมชงชา หรือการชมวิว
②การจัดเก็บน้ำยาซักผ้า : จัดเตรียมพื้นที่สำหรับน้ำยาซักผ้าหลายประเภท
③พื้นที่ทำความสะอาดบ้าน : หากระเบียงมีพื้นที่เพียงพอ ให้ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับงานแม่บ้าน 
ⅷ. ห้องเด็ก
① ความปลอดภัยและการสะดวกสบาย : ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสบาย หลีกเลี่ยงการออกแบบที่ดูผู้ใหญ่เกินไป และเน้นตามช่วงวัยการเจริญเติบโตในปัจจุบันของเด็ก
②การแบ่งโซน : แยกพื้นที่สำหรับการเรียน นอนพัก และเล่นของเล่นออกจากกัน
③ตู้จัดเก็บที่เหมาะสำหรับเด็ก : ใช้เครื่องมือจัดเก็บที่เด็กใช้งานง่าย และเหมาะสมกับประเภทของสิ่งของต่างๆ 
ⅸ. ห้องทำงาน
① ขนาดที่เหมาะสม : เลือกโต๊ะและชั้นหนังสือที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองพื้นที่
②การออกแบบชั้นหนังสือ : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชั้นหนังสือมีความลึกเพียงพอสำหรับหนังสือขนาดใหญ่ ชั้นหนังสือที่มีประตูปิดจะช่วยป้องกันฝุ่นและความชื้นได้ดี
③การทำความสะอาดเป็นประจำ : ควรนำหนังสือและนิตยสารที่ไม่ได้ใช้ออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความเรียบร้อยบนโต๊ะทำงาน 
ⅹ. ห้องผู้สูงอายุ
① ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก : เน้นความปลอดภัยและความสบาย ลดการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมแหลมคม
②ราวจับ : เพิ่มราวจับตามความจำเป็นเพื่อการพยุงตัว
③ช่องเก็บของแยกต่างหาก : จัดพื้นที่สำหรับของเก่า แยกจากของใช้ประจำวัน
④เข้าถึงได้ง่าย : ลดขั้นตอนในการหยิบและเก็บสิ่งของที่ใช้บ่อย 
